ในยุคที่ผู้บริโภคนิยมบริโภคข่าวสาร สาระ และความบันเทิงบนแพลตฟอร์มออนไลน์แทนการอ่านสื่อในรูปแบบกระดาษ ก็คงจะไม่ผิดอะไรถ้าเราจะบอกว่าวันนี้หากคิดจะสร้างการรับรู้กับผู้บริโภค ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์มาเป็นอันดับต้น ๆ เช่นเดียวกับ “สมบัติ งามเฉลิมศักดิ์” Co-Founder แห่ง PAPERSPACE ดีไซน์สตูดิโอของคนไทยที่มีโปรไฟล์งานระดับโลก ที่หวังให้สื่อออนไลน์พาเขาไปหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ แต่ดูเหมือนโลกแห่งธุรกิจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น นอกจากการปรับอัลกอริทึ่มของเฟซบุ๊คจะทำให้ทุกอย่างยากขึ้นแล้ว เขายังค้นพบพลังความจริงบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปหากคิดจะสื่อสารแบรนด์ คือสิ่งที่เขาเรียกมันว่า stamp of recognition
PAPERSPACE คือใคร
จากประสบการณ์ที่เคยทำบริษัทออกแบบมาประมาณ 10 ปีแล้ว รู้สึกว่าการเติบโตของธุรกิจมันเริ่มตัน จึงพยายามหาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เปเปอร์สเปซ (PAPERSPACE) จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มของการออกแบบ หรือ Design Firm ซึ่งมีธุรกิจออกแบบหลากหลายบริษัทเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์อยู่ในธุรกิจของเรา มีการสร้างระบบหลังบ้านเพื่อทำงานร่วมกัน และบริหารโครงการต่าง ๆ ร่วมกับบริษัทออกแบบเหล่านี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมงานกับองค์กรระดับโลกและแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อาทิ ทรู คอร์ปอเรชั่น, ปตท., SC ASSET และ TDRI รวมถึงเอเจนซีในเครือ GroupM อย่าง MINDSHARE Thailand และ WAVEMAKER
ปัญหาธุรกิจแบบ PAPERSPACE คืออะไร
ด้วยรูปแบบธุรกิจของเราค่อนข้างเข้าใจยาก ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าการทำงานเป็นอย่างไร และในปัจจุบันมีบริษัทออกแบบอยู่มากมาย หากต้องการเข้าไปเป็นผู้เล่นใหม่ New Player ในตลาดนี้จะทำอย่างไรให้ลูกค้ามองเห็นเรา ถือว่าเป็น Challenge ตั้งแต่เราเริ่มทำเปเปอร์สเปซใหม่ ๆ เลย
ทำอย่างไรให้คนรู้จักเรา
เรียกว่าทำแบบมวยวัด โดยเริ่มจากการเขียนบทความในเฟซบุ๊ก นำบทความจากต่างประเทศมาแปล เราพยายามค้นหาตัวตนในออนไลน์ ทำให้มีกลุ่มแฟนเพจกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง แต่กลับเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้า เขาเพียงแค่เห็นและกดไลค์ ซึ่งนี่คือช่วงที่เฟชบุ๊กยังไม่ปรับอัลกอริทึม แต่ปัจจุบันนั้นยากมาก
หลังจากนั้นปรับกลยุทธ์อย่างไร
จากที่เคยลองทำออนไลน์เอง จึงหันมาหาพาร์ทเนอร์ที่สามารถช่วยให้เราทำประชาสัมพันธ์ได้ เพื่อสร้างการสื่อสารไปยังสาธารณชนมากขึ้น ตอนนี้ทำมาประมาณ 2 ปี แล้ว ปีแรกทางพาร์ทเนอร์ได้แนะนำให้จัดฟอรั่มขึ้น ซึ่งเป็นฟอรั่มที่พูดถึงอนาคตของการทำงาน ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี เป็นปีแรกที่เราออกสื่อที่เป็น Public ทำให้เปเปอร์สเปซเป็นที่รู้จักมากขึ้น และเห็นความแตกต่างระหว่างการที่มีสื่อมานำเรื่องของเราออกไปเผยแพร่ กับการที่เราพยายามจะเขียนเรื่องราวของเราเองในเพจ มันต่างกันอย่างชัดเจนตรงที่มันมี Recognised Stamp อยู่ มันไม่ใช่การที่เราเก่ง เราดี แล้วเราเขียนของเราเอง แต่เป็นการที่สื่อนำเรื่องของเราไปเขียน เมื่อมีคนได้อ่านเรื่องราวของเราจากสื่อจะมีความเชื่อถือมากกว่า
สำหรับปีที่ 2 เป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการจัดฟอรั่ม มาเป็นการพาสื่อไปออฟฟิศทัวร์ ซึ่งเราก็ไม่เคยทำมาก่อน โดยเราเลือก มายด์แชร์ ประเทศไทย (MINDSHARE Thailand) ซึ่งอีเวนท์นี้ลูกค้ามีส่วนร่วมค่อนข้างมาก คุณลินดา (ปัทมวรรณ สถาพร) กรรมการผู้จัดการ ได้ให้เกียรติมาร่วมสัมภาษณ์และพาสื่อชมออฟฟิศร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมครั้งนั้นสร้างผลตอบรับที่ดีมาก ถือเป็นการโชว์ผลงานขององค์กร เพราะจริง ๆ แล้วธุรกิจของเราเหมือนหมอ เหมือนนักบัญชี ที่โฆษณาแบบตรง ๆ ไม่ได้ ผิดจรรยาบรรณที่จะโฆษณาตัวเองว่าดี แต่การที่ทำออฟฟิศทัวร์นั้นเราไม่ได้โฆษณาตัวเอง แต่เราโฆษณาให้ลูกค้า
ผลเป็นอย่างไร
เปเปอร์สเปซเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีลูกค้าที่ติดต่อมาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับที่เราได้ลง และจากพอดแคสต์ของ THE STANDARD ผ่าน PR Campaign ที่เราทำกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากที่ฟังพอดแคสต์ในวันนั้น นอกจากลูกค้าแล้วก็ยังมีสื่อที่เห็นเราจากหนังสือพิมพ์ติดต่อมาหลังจากนั้น อย่างรายการ B Times ของทางช่อง 3 ก็เห็นเราในหนังสือพิมพ์ธุรกิจและติดต่อมาให้ไปออก เหมือนได้ประโยชน์จากสื่อหนึ่งต่อไปยังอีกสื่อหนึ่งต่อเนื่องกันไป
ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง
ในช่วงแรกที่เราทำพยายามจะทำออนไลน์ของตัวเองเข้าใจว่าลูกค้าที่ต้องการจะสื่อสารด้วยนั้นอยู่ในออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ช่วง 2 ปี ที่ทำประชาสัมพันธ์นั้นทำให้ค้นพบว่า ควรจะต้องทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป ทั้งสื่อออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อาจจะไม่ได้เข้าถึงผู้คนมากเท่ากับที่สื่อออนไลน์ทำได้ แต่สื่อสิ่งพิมพ์เหล่านี้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากทีเดียว และการมีพาร์ทเนอร์ด้านการประชาสัมพันธ์ก็มีส่วนช่วยพาเราไปอยู่ในจุดที่เราอาจจะมองข้ามไป และพาไปทำความรู้จักกับสื่อที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ต้องบอกว่าหนังสือพิมพ์ธุรกิจกับบริษัทออกแบบเป็นคนละระบบนิเวศน์กันเลย การที่พาร์ทเนอร์พาเรามาอยู่ในระบบนิเวศน์นี้ สามารถช่วยให้แบรนด์เราแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก
ช่วยสรุปให้หน่อย
สื่อออนไลน์สามารถทำให้เป็นที่รู้จักในคนหมู่มากได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ สื่อเก่า สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากกว่า ซึ่งควรจะนำมาใช้ทั้งคู่
ชมคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/3bTAhTS