5 ช่างภาพเทพ ไขความลับ กล้องโปรฯ ขนาดนี้มีดีอย่างไร


เมื่อเหล่าช่างภาพมือสมัครเล่นเตรียมเทิร์นโปรสู่ความเป็นมืออาชีพ อาวุธสำคัญคงหนีไม่พ้นกล้องระดับโปรเฟสชันนอล (Professional Level) เพื่อใช้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายให้เฉียบคมทุกมุมมอง แต่จะรู้ได้ยังไงว่ากล้องดิจิทัลแต่ละตัวนั้นมีดีอะไรซ่อนอยู่ และกล้องตัวไหนที่จะเหมาะกับไลฟ์สไตล์การถ่ายภาพในแบบของตัวเรา ล่าสุด บิ๊ก คาเมร่า ผู้จัดจำหน่ายกล้องดิจิทัลรายใหญ่ของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เชิญ 5 กูรูท็อปคลาสด้านการถ่ายภาพของเมืองไทย มาร่วมเผยความลับกล้องโปรขนาดนี้มีดีอย่างไรให้ได้เป็นไอเดียนำไปใช้ในการเลือกกล้องดิจิทัลคู่ใจ

โก๊ะ - ศุภฤกษ์ นฤเบศร์ไกรสีห์ผู้คร่ำหวอดในวงการถ่ายภาพจากเพจกล้องกล้วยกล้วย เล่าว่า “กล้อง “FUJIFILM X-H1” จัดว่าเป็นกล้องระดับโปรเฟสชันนอลที่ช่างภาพหลายคนจับตามองในเวลานี้ เนื่องจากเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อช่วยเติมเต็มทั้งการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งจุดเด่นที่ชอบมากของกล้องตัวนี้คือ “การออกแบบตัวกล้องที่ใหญ่ขึ้น” หลายคนอาจมองเป็นเรื่องปกติ แต่ในความเป็นจริงตัวกล้องที่มีขนาดใหญ่นั้นมีประโยชน์หลายด้านนอกจากจับถนัดมือแล้ว ยังส่งผลทางด้านจิตวิทยาที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของช่างภาพ เพราะการถือกล้องขนาดใหญ่ไปถ่ายงานจ้างต่างๆ จะทำให้ผู้ว่าจ้างรู้สึกมั่นใจและเกิดความเชื่อมั่นว่ากล้องตัวใหญ่จะถ่ายภาพได้สวยมีประสิทธิภาพมากกว่ากล้องตัวเล็ก    อีกทั้งเมื่อตัวออกแบบตัวกล้องให้มีขนาดใหญ่ ก็ทำให้สามารถใส่อุปกรณ์หรือฮาร์ทแวร์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพเข้าไปได้มากขึ้น อาทิ ระบบป้องกันภาพกันสั่น หรือ Image Stabilization สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยอย่างแสงไฟเวลากลางคืนได้คมชัด และระบบระบายความร้อน ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อไม่ทำให้เครื่องน็อคระหว่างการถ่ายทำแบบหนักหน่วง เป็นต้น

ทางด้าน โจ้-ศุภสิธ ศรีสวัสดิ์ศักดิ์ ช่างภาพจากนิตยสารแฟชั่นแถวหน้าของเมืองไทย เล่าว่า “สำหรับกล้องคู่ใจที่ใช้ถ่ายงานอยู่ตอนนี้คือ “Olympus OMD E-M1 Mark II” นอกจากเรื่องของการเป็นกล้องระดับ Flagship ของโอลิมปัสที่อัดแน่นไปด้วยระบบปฏิบัติการขั้นเทพแล้ว ความลับที่น่าสนใจคือ “ความไวในการจับภาพ” อยู่ในระดับที่ไวมาก สามารถถ่ายงานแฟชั่นต่างๆ ให้ออกมาได้ดั่งใจสั่งเพียงแค่กดชัตเตอร์ เพราะการถ่ายภาพแฟชั่นบางครั้งจำเป็นต้องอาศัยความไวของกล้องในระดับที่สูงมากเพื่อใช้ในการจับภาพ เช่น ภาพเส้นผมของนางแบบที่กำลังสะบัดไปมา หรือความพลิ้วไหวของเสื้อผ้า เป็นต้น ดังนั้นกล้องตัวนี้จึงเหมาะมากสำหรับการถ่ายพวกภาพแอคชั่น (Action) ภาพกีฬา (Sport) หรือภาพสัตว์ (Wildlife) 

 

ความเท่อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือลูกเล่นที่ซ่อนอยู่อย่าง “Custom mode” สามารถตั้งค่าการถ่ายภาพให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การถ่ายภาพของเราเอง  การเซ็ตตั้งค่ากล้องสำหรับการถ่ายภาพในแต่ละครั้งอาจเสียเวลา ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยลดเวลาและทำให้การถ่ายภาพของเราได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งสามารถเลือกบันทึกได้ถึง 3 แบบ

สำหรับโปรเฟสชันนอลรุ่นใหญ่อย่าง บุ๊ค-อลงกต เอื้อไพบูลย์ ผู้กำกับหนังโฆษณา มิวสิควิดีโอ และภาพยนตร์ชื่อดัง พูดถึงความลับของกล้องตัวโปรที่ใช้เป็นประจำอย่าง “Panasonic Lumix GH5 และ GH5S” ว่า “จุดที่โดดเด่นที่สุดของกล้องตัวนี้คือการทำงานภาพยนตร์ การถ่ายวิดีโอ เพราะมีนวัตกรรมที่ทำให้การถ่ายภาพเคลื่อนไหวคมชัดในระดับ 4K และการถ่ายภาพนิ่งแบบต่อเนื่องที่ขนาด 6K ซึ่งเป็นนวัตกรรมรุ่นแรกของโลก เหมาะกับเหล่า Filmmaker คนทำงานในสตูดิโอหรือโปรดักชั่น เฮ้าส์ ที่เน้นงานเชิงโฆษณา รวมถึงงานภาพยนตร์ หรือการทำหนังสั้น สามารถทำได้ออกมาได้ในขั้นที่ดีมาก ส่วนฟังก์ชั่นที่ชอบใช้มากคือ “การถ่ายแบบสโลโมชั่น” (Slow-motion) ด้วยคุณสมบัติของกล้องทำให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นลื่นไหลไม่มีกระตุก สามารถดึงจุดเด่นของสินค้าออกมาเล่นได้อย่างน่าสนใจ อาทิ การรินไวน์ใส่แก้ว ที่ทำให้เห็นความนุ่ม สีสัน ของไวน์ได้อย่างชัดเจน เป็นต้น

ส่วนเจ้าพ่อแคนดิดเว้ดดิ้ง ภูริต เนติมงคลชัย หรือ Vin buddy” ผู้มีประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพงานแต่งงานให้กับเหล่าเซเลบริตี้และศิลปินดาราชื่อดังหลายต่อหลายท่านเล่าว่า “Sony A9” ถือเป็นอีกหนึ่งกล้องดิจิทัลระดับโปรเฟสชันนอลในฝันของช่างภาพเว้ดดิ้งหลายคน เพราะจุดเด่นอยู่ที่ความเร็วของชัตเตอร์ที่ทำงานได้รวดเร็วเก็บทุกโมเม้นต์สำคัญซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีได้อย่างน่าประทับใจ และอีกหนึ่งจุดที่ทำชอบมากคือ “ไม่มีเสียงชัตเตอร์ (Silent Revolution)” สามารถถ่ายภาพแบบไร้เสียงรบกวน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะบางเวลา บางสถานที่ เสียงเพียงเล็กน้อยอาจรบกวนสมาธิของผู้เป็นแบบได้ อย่างเช่น เวลาที่เจ้าสาวกำลังแต่งหน้า การเก็บภาพแบบเงียบๆ ก็ทำให้ได้ภาพมุมเผลอที่เป็นธรรมชาติ เพราะบางทีเพียงแค่ได้ยินเสียงโฟกัสชัตเตอร์เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ผู้เป็นแบบเริ่มเกร็ง ภาพที่ถ่ายออกมาก็จะดูแข็งๆ ไม่ค่อย smooth เท่าไร”

ปิดท้ายด้วย “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล ช่างภาพเซเลปหนุ่มหล่อสายแฟชั่นแนวอาร์ตที่กำลังมาแรง เปิดเผยความลับในการสร้างอัตลักษณ์หรือลายเส้นให้กับภาพถ่าย ด้วยกล้องแคนนอน “EOS M50” เพราะนอกจากจะเป็นกล้องมิลเลอร์เรสที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย โฟกัสเกาะติดแม่นยำ มีระบบป้องกันภาพสั่นในตัวกล้อง บันทึกภาพวิดีโอระดับ 4K พร้อมช่องต่อไมค์แบบมืออาชีพแล้ว ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นที่ไม่ควรพลาดอย่างโหมด Creative Assist ที่ช่วยให้สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับภาพถ่ายในแบบฉบับของตัวเอง สามารถปรับแสง สี คุมโทนของภาพได้จากในตัวกล้อง พร้อมเซฟเป็นค่าพรีเซ็นเก็บไว้ใช้ในการถ่ายภาพครั้งต่อๆ ไปเพื่อให้เกิดเป็นคาแรกเตอร์ส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย”

สำหรับเหล่าช่างภาพมือโปรและช่างภาพเตรียมเทิร์นโปร ที่กำลังมองหากล้องคู่ใจสามารถไปเจอกันได้ที่งาน บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โปร เดย์ 2018” (BIG CAMERA BIG PRO DAY 2018) มหกรรมกล้องดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด พบกล้องระดับโปรเฟสชันนอลและอุปกรณ์กล้องดิจิทัล กว่า 30 แบรนด์ดัง ที่ยกขบวนมาจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษด้วยส่วนลดกว่า 50% พร้อมเชิญช่างภาพระดับโปรเฟสชันนอลมาเผยเคล็ดลับความสำเร็จหลังภาพถ่าย ที่สร้างโปรไฟล์ระดับโลก อาทิ โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี, จอร์ช-ธาดา วารีช, คิด-คณชัย เบญจรงคกุล, โจ้-ศุภสิธ ศรีสวัสดิ์ศักดิ์ และอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 24-30 กรกฎาคม 2561 ณ ลานกิจกรรม ชั้น1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เวลา 10.00 - 22.00 น. สอบถามรายละเอียดและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bigcamera.co.th  Facebook : BIGCAMERACLUB Instagram : BIGCAMERA_CLUB Youtube : BIGCameraTV

Tags: big camera big pro day 2018 big camera