สูงวัย แนะ “วัยโจ๋” ระวัง...“โรคข้อเข่าเสื่อม” ภัยร้ายใกล้ตัว


โรคข้อเข่าเสื่อม!!! ภัยร้ายที่หนุ่มสาวมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นโรคของ “คนสูงอายุ” เท่านั้น แต่เป็นที่น่าตกใจเมื่อศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผยตัวเลขผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 89% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก “พฤติกรรมสะสม” ที่ทำเป็นประจำในชีวิตตั้งแต่วัยรุ่น เข้าสู่วัยกลางคน จนมาแสดงผลใน “วัยเกษียณ” ทั้งการนั่งเป็นเวลานาน การนั่งไขว่ห้าง รวมถึงการรับประทานอาหารประเภทจังก์ฟู้ด (Junk food) ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคดังกล่าว ซึ่งเป็นภัยเงียบคุกคามต่อการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของผู้สูงอายุ  เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคดังกล่าวจะทรมานจากความเจ็บปวด ไม่สามารถใช้ชีวิตและช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ  ล่าสุดศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  จึงได้จัดกิจกรรม “Healthy Joint (ข้อเข่าคืนสุข)” สานต่อ “โครงการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และแขนหุ่นยนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมายุ 60 พรรษา” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่ประสบภาวะข้อเข่าเสื่อมทั่วประเทศ เข้ารับการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจและตระหนักถึงความอันตรายของโรคดังกล่าว   

นอ.พิเศษ นพ.จำรูญเกียรติ ลีลเศรษฐพร ผู้อำนวยการศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และประธานโครงการผ่าตัดข้อเข่าเทียมฯ  เล่าว่า “โรคข้อเข่าเสื่อม” ส่วนใหญ่มักพบในผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันพบว่า กลุ่มวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 40-50 ปี ก็เริ่มป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน อาจมีสาเหตุมากจากปัจจัยต่างๆ ทั้งพันธุกรรม หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป อาทิ การแบกของหนัก การนั่งท่าเดิมเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของโรคดังกล่าวทั้งสิ้น 

ศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงได้จัดกิจกรรม “Healthy Joint (ข้อเข่าคืนสุข)” สานต่อ “โครงการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และแขนหุ่นยนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมายุ 60 พรรษา” เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแต่ขาดทุนทรัพย์ในการรักษา ให้ได้รักษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมเทคโนโลยีในการผ่าตัดข้อเข่าเทียมที่ทันสมัย อย่างระบบแขนหุ่นยนต์ (Robotic-assisted surgery) ให้การผ่าตัดเกิดความแม่นยำ ลดความคลาดเคลื่อน ช่วยให้ข้อเข่าเทียมมีอายุการใช้งานนานยิ่งขึ้น ภายหลังเข้ารับการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์และพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเอาใจใส่และการดูแลใกล้ชิด ผสมผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จและเห็นผลได้อย่างชัดเจน ผู้ป่วยไม่ต้องกลับมาเป็นโรคดังกล่าวอีก ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้นจำนวน 38 คน

“ป้าใหญ่” หรือ นางบุศบา พูลสิน ในวัย 64 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการเล่าว่า “ป้าเป็นแม่บ้าน ค่อยดูแลงานในบ้านทำอาหารให้ลูกๆ หลานๆ ทาน ซึ่งอาการโรคข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน คือเวลาเดินจะมีเสียงกึกๆ ตรงข้อเข่า ช่วงนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกว่าข้อเคล็ดทั่วไป ต่อพอนานไปก็เริ่มมีอาการอักเสบ ปวดมากขึ้นจนไม่สามารถทำอะไรได้ แม้กระทั่งงานง่ายๆ อย่างการปิดเปิดประตูบ้านก็ยังทำไม่ได้ ไปหาหมอมาหลายที่ให้ความเห็นเหมือนกันว่าเป็น “โรคข้อเข่าเสื่อม” แต่ก็ไม่ได้รักษาเป็นประจำเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์จึงทำให้ไม่หายขาด ช่วงนั้นชีวิตสิ้นหวังและท้อแท้มาก จนได้เข้าร่วมโครงการฯ จึงทราบจากคุณหมอเพิ่มเติมว่าตัวเองประสบภาวะข้อเข่าเสื่อมอันเกิดจากความอ้วน เพราะรูปร่างของผู้หญิงช่วงข้อเข่าและขาจะเล็กกว่าผู้ชาย หากมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปก็จะทำให้ช่วงล่างอย่าง “ข้อเข่า” ต้องแบกรับน้ำหนักอยู่ตลอดเวลา เป็นอาการสะสมตั้งแต่อายุยังน้อยจนกระทั่งอายุมาก อีกทั้งร่างกายก็เริ่มเสื่อมโทรมตามอายุ โรคข้อเข่าเสื่อมเลยแสดงอาการได้ชัดเจนขึ้น ภายหลังการรักษาก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ กลับมาเดินได้และสามารถทำงานต่างๆ ได้เหมือนเดิม 

ดังนั้นจึงอยากจะฝากถึงวัยรุ่นสาวๆ ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป ให้หันมาลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างการเดิน หรือการว่ายน้ำ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะข้อเข่าจะได้รับแรงกระแทกน้อย ไม่ทำงานหนักจนเกินไป สุขภาพที่ดีนั้นควรดูแลตั้งแต่ยังมีแรงทำได้ เพราะการเริ่มต้นดูแลสุขภาพในวัยชราอาจจะสายเกินไป”

ด้าน “ลุงปอ” หรือ นายสิทธิพล อุดมพฤกษา  อายุ 71 ปี เล่าว่า “ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มานาน ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หนึ่งวันจะขับประมาณ 8-10 ชั่วโมง พอร่างกายเริ่มอายุมากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าข้อเข่าเริ่มไม่ปกติ ขณะเหยียบคันเร่งหรือเบรกจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณข้อเข่า เวลาเดินก็จะเดินได้ในระยะสั้นๆ ไม่ไกลมาก จนระยะหลังที่เป็นมากขึ้นทำให้ขับแท็กซี่ไม่ได้และขาดรายได้ ลูกพาไปหาหมอก็ทราบว่าเราเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมและรักษามาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่หาย เพราะไม่กล้าผ่าตัด กลัวว่าผ่าแล้วจะเป็นมากกว่าเดิม ลูกจึงพาเข้าร่วมโครงการฯ ทำให้เราได้รู้ว่าอาการของเราเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายเสื่อมสภาพ ดังนั้นต้องรับการผ่าตัด ซึ่งคุณหมอแนะนำว่าเทคโนโลยีการรักษาในปัจจุบันมีความทันสมัยกว่าเมื่อก่อน ผู้ป่วยไม่เจ็บปวดมากและสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม ภายหลังการรักษาก็กลับมาขับแท็กซี่ได้ตามปกติอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ดูแลตัวเองมากขึ้น มีเวลาว่างก็จะไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ 

เวลาลุงขับแท็กซี่เจอผู้โดยสารทุกเพศทุกวัยที่ขึ้นมาใช้บริการ ก็จะแนะนำเรื่องโรคนี้ รวมไปถึงการป้องกัน อาทิ หากเขาทำงานออฟฟิซก็จะแนะนำว่าไม่ควรนั่งทำงานติดโต๊ะทั้งวัน ให้หาเวลาพักยืดเส้นยืดสาย หรือหากเป็นแม่บ้านก็จะบอกว่าไม่ควรนั่งในท่าที่พับข้อเข่าเป็นเวลานาน หากเจอผู้โดยสารที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ก็จะแนะนำให้เขาออกกำลังกาย เพราะนอกจากโรคอ้วนแล้ว ยังมีโรคข้อเข่าเสื่อมอีกโรคที่อันตรายพอๆ กัน”

 

สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจเข้าร่วม “โครงการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และแขนหุ่นยนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมายุ 60 พรรษา” ต้องเป็นผู้ป่วยภาวะข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรง จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดข้อเทียม โดยได้พยายามรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดแต่ไม่ได้ผลนานกว่า 6 เดือน มีสัญชาติไทย รายได้น้อย อายุอยู่ระหว่าง 60-75 ปี สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร 02 667 2000 หรือดูรายละเอียดที่ www.bumrungrad.com

Tags: บำรุงราษฎร์ โรงพยาบาล ข้อเข่า