เข้าหน้าฝนทีไรไม่ใช่แค่สุขภาพกายที่สาวๆ จะต้องดูแล แต่สุขภาพกระเป๋าคู่กายที่ใช้กันทุกวันนั้นก็ต้องให้ความใส่ใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่แฝงมากับน้ำฝนนั่นก็คือ “ความชื้น” ที่ส่งผลให้เกิด “เชื้อรา” ปัญหาที่น่าหนักอกหนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นตัวลดคุณค่ากระเป๋าแบรนด์เนมใบเก่งของสาวๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกระเป๋าที่ทำจากหนังประเภทต่างๆ
โอ๋ - รณันธร พลชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลกระเป๋าแห่งมายแบ็คสปา (MyBagSpa) เล่าถึงความแตกต่างของวัสดุที่ถูกนำมาผลิตกระเป๋าว่า กระเป๋าหนังแท้ (Leather) ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะผลิตจากหนังวัว หนังจระเข้ หนังแกะ หนังนกกระจอกเทศ หนังงู และหนังปลากระเบน ส่วนกระเป๋าหนังสังเคราะห์อย่างหนังแก้ว (Patent Leather) หนังผ้าใบ (Canvas Leather) มีส่วนผสมระหว่างหนังกับพลาสติกสังเคราะห์อย่างดี หรือแม้กระทั่งส่วนประกอบที่เป็นไนลอนหรือผ้าไหม ซึ่งหนังแต่ละชนิดนั้นจะมีความแตกต่างตรงผิวสัมผัสที่มีความหนาและทานทนต่างกันออกไป อาทิ หนังงูจะมีความนิ่มและบอบบางมาก ส่วนหนังนกกระจอกเทศจะมีความทนและหนาเพราะรูขุมขนของนกกระจอกเทศนั้นใหญ่ แต่หนังทุกชนิดนั้นเมื่อใช้ไปสักระยะย่อมโดนมลภาวะ สภาพอากาศ และฝุ่นละออง จากสถานที่ต่างๆ ก็เหมือนกับผิวหนังของมนุษย์ที่ดีกว่าตรงที่ได้อาบน้ำชำระล้างสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกทุกวัน แต่กระเป๋านั้นเมื่อใช้ไปนานๆ จะเป็นแหล่งสะสมสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ชั้นดีเลยทีเดียว
“หน้าฝนที่อับและชื้นแบบนี้ ปัญหาที่ตามมามักเป็นเรื่องเชื้อราที่เติบโตได้ดีกับวัสดุหนัง คนไทยเราไม่ค่อยนิยมใช้ชุดกันฝนหรือ Rain Coat ให้กับกระเป๋าเหมือนต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงสูงที่กระเป๋าจะซึมซับเอาความชื้นมาสะสมไว้จนเกิดเป็นเชื้อรา มีกลิ่นอับ มีสีที่เปลี่ยนไปจนเสียรูปทรงได้ หากกระเป๋าโดนละอองฝนมาแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบซับให้แห้งแล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าย้ำอีกครั้งเพื่อไล่ไอน้ำระเหยและความชื้นออกจนหมด แล้วจึงเก็บในถุงผ้าสปันด์ ซึ่งอาจจะใช้ถ่านไม้ไผ่ (Bamboo Charcoal) เพื่อช่วยดูดความชื้นร่วมด้วย
แต่หากพยายามป้องกันแล้ว ยังพบว่ามีเชื้อราเกิดขึ้นอีก “โอ๋” ก็ได้ให้วิธีปฐมพยาบาลกระเป๋าใบเก่งเอาไว้เบื้องต้นว่า “สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือการรีบเช็ดเชื้อราออกจากกระเป๋าอย่างเร็วที่สุดแล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องหนังทำความสะอาดเบาๆ หนังบางชนิดก็สามารถใช้น้ำยาขจัดกลิ่นแบคทีเรียได้ หลังจากทำความสะอาดแล้วควรใช้สเปรย์เคลือบกันน้ำ (Water Resistance) พ่นกระเป๋าปกป้องละอองน้ำหรือของเหลวงที่จะมาเกาะกระเป๋าแล้วก่อให้เกิดความชื้นขึ้นได้อีก”
แท้จริงแล้ววิธีการปกป้องกระเป๋าที่ดีที่สุดคือการปรับพฤติกรรมการใช้งาน หลีกเลี่ยงการนำกระเป๋าไปวางในที่ที่มีสภาพไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหรือในร้านอาหารที่มักจะเห็นสาวๆ ชอบเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้กระเป๋าอาจจะโดนอาหารหรือเครื่องดื่มได้ การใช้มือสัมผัสควรระวังเหงื่อคราบไคล หลังจากล้างมือควรเช็ดให้แห้งก่อนจับกระเป๋า แม้กระทั่งการฉีดน้ำหอมเองก็ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้โดนกระเป๋าเพราะในน้ำหอมนั้นนอกจากน้ำแล้วยังมีแอลกอฮอล์และกลิ่นร่วมด้วย หลังจากใช้งานเสร็จแล้วเราสามารถทำความสะอาดกระเป๋าก่อนเก็บด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการใช้ผ้าชามัวร์หรือผ้าขนหนูเช็ด หากมีรอยเปื้อนเล็กน้อยอาจจะใช้โลชั่นทำความสะอาดเครื่องหนังโดยเฉพาะทำความสะอาด ใช้หมอนดันทรงเอาไว้เสมอเมื่อไม่ใช้งานเพื่อป้องกันการเสียทรง
“ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการเก็บรักษากระเป๋าที่ดีที่การเก็บในที่เก็บที่เหมาะสม ด้วยความที่เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อนชื้น อากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่คงที่ แม้แต่การเปิดแอร์ในห้องที่เก็บกระเป๋าตลอดเวลาก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความชื้นนำไปสู่เชื้อราได้ หากทำได้ควรใช้ตู้ที่มีอุปกรณ์ควบคุมความชื้นภายในให้เหมาะสมกับการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง และสามารถมองเห็นอุณหภูมิที่เหมาะสมซึ่งอยู่ระหว่าง 20-35 องศาเซลเซียสได้ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันบ้านเราก็มีการผลิตมายแบ็คคาบิเน็ต (MyBagCabinet) ขึ้นมาเพื่อช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของกระเป๋าหรือแม้แต่รองเท้าที่ผลิตจากหนังโดยเฉพาะ นอกจากนี้แล้วยังสามารถสนุกไปกับการตกแต่งคาบิเน็ตจนกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์โชว์กระเป๋าที่สาวๆ สะสมไว้ได้อีกด้วย” โอ๋ รณันธร ให้เคล็ดลับดีๆ ทิ้งท้าย