นานๆ จะมีโอกาสรวมตัวกันออกเที่ยวนอกเมืองหลวง 4 เซเลบริตี้คนดังอย่าง จุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, หมิง-สุวรา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, กบ-ฐิติพงศ์ ล้อประเสริฐ และ โก้-ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์ ก็เซ็ตทริปท่องเที่ยวสูดอากาศให้ชุ่มปอดแบบไม่เหมือนใคร ด้วยการเปลี่ยรสชาติจากชีวิตสุดหรูคืนสู่สามัญกันดูบ้าง แต่กระนั้นก็ยังตั้งโจทย์ทริปนี้ไว้ว่า ต้องแซ่บ!!! ทั้งที่ชิมและที่ชิลล์
ทั้งหมดจึงตกลงปลงใจส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศด้วยการไปสัมผัสเสน่ห์เมืองอีสานแบบไม่เหมือนใคร ขอไปเยือนเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์สนุกๆอย่างอุดรธานี และหนองคาย ข้ามโขงไปสัมผัสบ้านพี่เมืองน้องนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวด้วยซะเลย พร้อมยังได้ หนุ่ย-ธนกร วีรชาติยานุกูล นักธุรกิจเจ้าของยูดี ทาวน์ ศูนย์การค้าชื่อดังแห่งอุดรธานี ซึ่งนาทีนี้รับบทนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอุดรธานี พร้อมด้วยลูกชายดีกรีนักเรียนอังกฤษ เอิร์ท-ภาสกร วีรชาติยานุกูล มาร่วมเป็นไกด์กิตติมศักดิ์สำหรับทริปสุดเอ็กซคลูซีฟนี้อีกด้วย
รู้ว่าเหล่าเซเลบฯ นานๆ จะได้ออกท่องเที่ยวต่างจังหวัดพร้อมกันทั้งที คุณหนุ่ยเลยเซ็ตทริปให้เดอะแก๊งค์ 3 วัน 2 คืนแบบคุ้มสุดๆ พาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทั้งแบบธรรมชาติ และแมนเมด (Man Made) ไม่ว่าจะเป็น ภูฝอยลม ชมแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง นมัสการ “พระพุทธไสยยาสน์โลกกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธรูปหินอ่อนขาวจากประเทศอิตาลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ วัดป่าภูก้อน หนึ่งในโครงการ Thailand’s Dream Destination กาลครั้งหนึ่งต้องไป สัมผัส “ป่าคำชะโนด” ดินแดนที่หลายคนเชื่อว่าทุกตารางนิ้วมีความศักดิ์สิทธิ์ ชมวิถีชีวิตชาวริมฝั่งแม่น้ำโขงดินแดนพญานาค เที่ยวชม ถ้ำพญานาค เมืองบาดาลจำลอง พร้อมเข้าสักการะ “หลวงพ่อใหญ่” วัดไทย ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมในช่วงเทศกาลออกพรรษา และเป็นหนึ่งใน 20 จุดสำคัญในการรอชมปาฎิหาริย์ “บั้งไฟพญานาค” รวมไปถึงยังได้ดินเนอร์ระหว่างนั่งเรือล่องแม่น้ำโขงชมพระอาทิตย์ตกน้ำอีกด้วย และปิดท้ายทริปด้วยการพาข้ามโขงไปทักทายสะบายดีกับพี่น้อง สปป.ลาว ชมชมหอพระแก้ว พระธาตุหลวง และประตูชัยแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของนครหลวงเวียงจันทน์ เรียกได้ว่าครบทุกรสทั้งทัวร์บุญ เที่ยวชิม อิ่มวัฒนธรรมพื้นบ้านแบบดั้งเดิมที่ผสานกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว และธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของ 2 แผ่นดิน ไทย-ลาว
โก้-ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์ ที่งานนี้ฉายเดี่ยวไม่มีศรีภรรยามาร่วมทริปด้วยบอกเล่าความประทับใจกับทริปนี้ว่า “ผมยังไม่เคยมาเที่ยวอีสานเลยครับ ไกลที่สุดที่ผมเคยมาก็แค่โคราชเองครับ (หัวเราะ) แต่ได้ยินคนพูดถึงอยู่บ่อยๆ ทริปนี้สนุกและหลากหลายมากจริงๆ มาทีเดียวได้เที่ยวถึง 2จังหวัดและยังได้ไปเวียงจันทน์ด้วย ผมชอบเส้นทางจากหนองคายไปอำเภอโพนพิสัยมากครับ ผมเรียกมันว่าเส้นทางสายโรแมนติกซึ่งผมมองว่าสามารถสร้างให้เป็นฮันนีมูนเดสติเนชั่นได้เลย เพราะเป็นเส้นทางเลียบลำน้ำโขงที่ยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติและสวยงาม นี่ผมยังแอบคิดว่าช่วงวันหยุดยาวจะพาภรรยามาเที่ยว และถ่ายโพสต์เวดดิ้ง (post-wedding) เลยด้วยครับ และอีกที่ที่ประทับใจคือเมืองเวียงจันทน์ ผมว่าเมืองเขาเหมือนเกาะรัตนโกสินทร์ของเราผสมกับศิลปะแบบฝรั่งเศสเลยครับ”
ส่วน จุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัฒน์ ณ อยุธยา บอกว่า “เคยมาอุดรฯหลายครั้งแล้วนะคะ แต่ครั้งนี้ประทับใจมากเลย เพราะได้ไปสถานที่อันซีนเยอะมาก และที่ฟินสุดๆคือได้ไปสปาเกลือ ผ่อนคลายเท้าหลังจากที่เราเดินท่องเที่ยวมาสักพัก มันสบายมากๆเลยค่ะ และสปาเกลือที่นี่เค้าใช้น้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ร้อนคงที่นานถึง 5 ชั่วโมง พอทำเสร็จแล้วผิวนุ่มมากเลยค่ะ แล้วยังได้ไปนั่งทานอาหารล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกในแม่น้ำโขงด้วยค่ะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากมากๆค่ะ”
ด้าน หมิง-สุวรา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บอกว่า “เคยแค่มาลงเครื่องที่อุดรธานี เพื่อเดินทางต่อไปชมบั้งไฟพญานาคที่หนองคายค่ะ แต่ยังไม่เคยได้แวะอุดรธานีเป็นเรื่องเป็นราว มาคราวนี้ถึงได้รู้ว่าเมืองอุดรฯ ใหญ่มาก สถานที่ท่องเที่ยวก็หลากหลายมากจริงๆ ทั้งแบบวัฒนธรรม แล้วยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก ประทับใจ “วัดป่าภูก้อน” มากๆค่ะ ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เพราะเป็นวัดป่าที่ตั้งเด่นอยู่กลางฮุบเขา โอบล้อมไปธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และได้เห็นถึงแรงศรัทธา ได้เห็นถึงความพยายามในการจัดหาหินอ่อนขนาดใหญ่มาสร้างเป็นองค์พระพุทธรูปที่ใหญ่มากๆ และที่ชอบอีกอย่างก็คืออาหารที่นี่แซ่บทุกอย่างจริงๆ ทั้งอาหารพื้นเมือง ไปจนถึงอาหารนานาชาติเลยค่ะ”
ส่วนหนุ่ม กบ-ฐิติพงศ์ ล้อประเสริฐ เป็นอีกหนุ่มที่หลงเสน่ห์ภาคอีสานมาก “ผมมาอีสานค่อนข้างบ่อย เพราะเป็นคนที่ชอบมาทำบุญ และครั้งนี้ดีใจมากที่ได้มา “คำชะโนด” เพราะอยากมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ได้มาสักที ก้าวแรกที่สัมผัสดินแดนคำชะโนด ก็รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผืนป่าแห่งนี้ เพราะเป็นเกาะลอยน้ำที่มีต้นคำชะโนดเพียงแห่งเดียว ยังมีการสร้างทางเดินที่เชื่อมจากโลกภายนอกกับผืนป่าอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไว้ด้วยรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร นอนเลื้อยยาวไปจนสุดทางเดินราว 300 เมตร เพื่อสะท้อนถึงพลังอำนาจและบารมีของพญานาคราช และอีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจของทริปนี้คือได้มีโอกาสปลูกบัวแดง ที่ทะเลบัวแดง ด้วยการโยนอีเอ็มบอล (EM Ball)เหง้าบัว เพื่อช่วยขยายพันธุ์บัวแดงซึ่งจะเบ่งบานเป็นสีแดงสวยมากช่วงหน้าหนาว ซึ่งปลายปีผมจะกลับมาอีกแน่นอนเพื่อมาชมผลจากการที่ผมโยนพันธุ์บัวลงไปครั้งนี้ครับ”
ดูจะเป็นทริปที่ฟินสุดๆ สำหรับหนุ่ม-สาวเซเลบฯครั้งนี้ ดูจากสองสาว จุ๋ย-หมิง ที่พกซิ่นมาใส่ระหว่างทริปเยือนเวียงจันทน์กันเลยทีเดียว ช่วงวันหยุดยาวๆ เดือนหน้า ใครอยากท่องเที่ยวตามรอยฟินของเซเลบฯทั้ง4 ก็วางแผนล่วงหน้ากันได้เลย หรือจะติดต่อสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอุดรธานี โทร. 081 833 9309