เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จังหวัดเชียงใหม่จะคึกคักเป็นพิเศษเพราะจะมีงาน “มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 42 แล้ว และยังพิเศษมากขึ้นกว่าทุกปีเพราะเหล่าเซเลบฯ และคนรุ่นใหม่ของเมืองได้ร่วมกันสร้างพลังแห่งดอกไม้ ปั้นเทศกาล “Chiang Mai Blooms” (เชียงใหม่ บลูมส์) ชวนนักท่องเที่ยวไทย-เทศ กาปฏิทินเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ปักหมุดเชียงใหม่เป็นจุดนัดพบระดับเอเชีย
คุณละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคเหนือ หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของการจัดงาน เล่าถึงที่มาของการจัดเทศกาลเชียงใหม่ บลูมส์ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาเชียงใหม่ คือ ชาวเชียงใหม่ ผู้มีวิถีชีวิตสุนทรีย์และสร้างสรรค์ มรดกอารยธรรมล้านนาซึ่งผูกพันกับธรรมชาติและให้ความสำคัญกับการกินดี อยู่ดี รักศิลปะและความสวยงาม ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมาจนกลายเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ ลอกเลียนแบบไม่ได้ จากเดิมที่ มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับเชียงใหม่ เป็นเทศกาลดอกไม้ระดับตำนานของเมือง โด่งดังไปทั่วประเทศ กลายเป็นภาพจำของคนไทยเมื่อคิดถึงเชียงใหม่ในหน้าหนาวเดือนกุมภาพันธ์ ขบวนบุปผชาติและสาวงามกับร่มลายดอกไม้ กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ล้านนาดรีม” ขณะเดียวกันเส้นทางดอกไม้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีชื่อเสียง รองรับนักเดินทางนับหมื่นคนทุกๆ ปี จึงต้องการยกระดับเทศกาลดอกไม้นี้สู่การเป็นงานหลักระดับภูมิภาค (Flagship Festival) หรือเทศกาลท่องเที่ยวระดับนานาชาติ โดยร่วมกับ จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ สร้างปฏิทินท่องเที่ยวใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ภายใต้แบรนด์ “เชียงใหม่ บลูมส์ (Chiang Mai Blooms) เทศกาลเชียงใหม่เบิกบาน” เพื่อให้เป็นจุดนัดพบของเอเชีย กับแนวคิด “เมืองได้ ธุรกิจได้ ประชาชนได้” จึงชวนร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร สปา ชุมชน ฯลฯ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเฟสติวัลนี้ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ อาทิ ซะป๊ะของดีดอยสะเก็ด, Chiang Mai Craft Week 2018 ณ Hobbyist Studio, NARIT Star Party เปิดฟ้า...ตามหาดาว ณ อุทยานดาราศาสตร์เชียงใหม่ หรือเวิร์คช้อปการย้อมสีและทําลวดลายบนผ้าจากดอกไม้ใบไม้ที่หาได้ในท้องถิ่นด้วยเทคนิค Ecoprint โดย RISSARA ณ โครงการบ้านข้างวัด เป็นต้น
"ในส่วนสมาคมโรงแรมไทย ภาคเหนือ ก็ชวนสมาชิกที่เป็นโรงแรมต่างๆ มารังสรรค์กิจกรรมพิเศษคือ Flower on the Table การดินเนอร์แบบ Long Table 720 ที่นั่ง กับเมนูพิเศษที่เชฟจากแต่ละโรงแรมครีเอทขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น มาลินีเริงฤทธิ์ คือ คานาเป้ยำดอกดาหลาและลาบดอกโสน จากโรงแรม ณ นิรันดร์ วิจิตรรสมาลี สลัดดอกกระเจี๊ยบกับแฮมและชีส จากร้านนาซิคำปู๋ ชมวารีสีสมุทร ซุปกุ้งดอกอัญชันจากโรงแรมดวงตะวัน มัจฉาบุษราคัม ปลาเทราต์สีรุ้งโครงการหลวงซูวีด์กับน้ำต้มข่า เคียงผักฤดูหนาวและหมู่มวลดอกไม้ จากโรงแรมดุสิต ดีทู ปิดท้ายด้วย ป้อนคำหวานรสล้านนา ซึ่งเป็นพุดดิ้งลำใยดอกอัญชัญ โดยโรงแรมรติลานนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสและเปิดประสบการณ์อาหารดอกไม้ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ ไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยในชีวิตประจำวัน กิจกรรมนี้จะเกิดขึ้นวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ณ สวนพฤกษศาสตร์ จำหน่ายบัตรในราคา 2,500 บาท รายได้ส่วนหนึ่งบำรุงกิจกรรมสาธาณกุศล"
ด้าน ออมสิน-นันทนิตย์ เสสะเวช บุตรสาววัย 25 ปี ของอดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายทวีศักดิ์ เสสะเวช เจ้าของโรงแรมฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท (Horizon Village & Resort) และสวนพฤกษศาสตร์ทวีชล อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อสุดหัวใจว่าสังคมจะเข้มแข็งได้เมื่อชุมชนเข้มแข็งไปด้วย เล่าว่า “จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ และดอกไม้ เทศกาลเชียงใหม่ บลูมส์นี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้นำเสนอเชียงใหม่ในมุมมองใหม่ๆ สร้างโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เมื่อธุรกิจโตก็จะทำให้ชุมชนโตไปด้วยกัน โดยเฉพาะการนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาหรือนำเสนอให้มีความเป็นสากล แสดงถึงความเป็นตัวตน โรงแรมฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จึงได้จัดกิจกรรม Flower in the Air and Flower quest ในเทศกาลครั้งนี้ โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวขึ้นบอลลูนลมร้อนเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและความงามของสวนพฤกษศาสตร์กว่า 302 ไร่ หลังจากนั้นจะลงมาทานอาหารเช้าในแบบขันโตกประยุกต์ และเมนูไข่จากไข่นกกระจอกเทศที่เลี้ยงเองในโรงแรมแห่งนี้ หวังให้เทศกาลนี้ยั่งยืนและเติบโตขึ้นมากกว่านี้จนเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เพื่อให้เชียงใหม่นั้นสมกับเป็นเมืองดอกไม้อย่างแท้จริง”
ด้าน เชฟปุ๋ย-นที มณียัง หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอาหารนาซิจำปู๋ที่มีชาวต่างชาติมาขอซื้อสูตรอาหารมากมายด้วยติดใจในความคิดสร้างสรรค์และแปลกใหม่ บอกว่า “ปกติที่ร้านจะมีกิจกรรม Cooking Class อยู่แล้ว แต่สำหรับเทศกาลเชียงใหม่ บลูมส์นี้ ได้คิดเมนูพิเศษอย่าง มะตะบะดอกไม้ ขึ้นมา เมื่อเราได้ยินคำว่ามะตะบะก็จะคิดถึงแต่โรตี แต่ที่นี้เลือกใช้แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ นำมาแผ่วางและเลือกดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ต้องการ อาทิ ดอกอัญชัญ ดอกโสน หรือดอกกล้วยไม้ มาทำเป็นไส้ ซึ่งดอกไม้นั้นปลูกเองในร้าน ปราศจากสารพิษ ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานโรยถั่วลิสงบด พร้อมเครื่องดื่มยอดฮิตของร้านอย่างรูทเบียร์กระเจี๊ยบ ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อย่างดี นอกจากนี้ในเมนูอาหารอื่นๆ ในช่วงนี้ ก็จะเป็นเมนูที่ทำจากดอกไม้ต่างๆ อาทิ ยำดอกไม้ ขาหมูหรือซี่โครงหมูฮังเล เสิร์ฟพร้อมโรตีดอกไม้ น้ำพริกกะปิ ไข่เจียวดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งจะไม่ยัดเยียดความเป็นดอกไม้มากเกินไป เพื่อไม่ให้ลูกค้าเลี่ยน
นอกจากการทำอาหารแล้วใครอยากจะสัมผัสอารมณ์นั่งจิบชารสดีในสวนกุหลาบหลวง ต้องไม่พลาดกับกิจกรรม Blooming Tea by อองเต x DFD flower studio ที่ พรบัญญา เมียลอย เจ้าของร้าน Or The Café De M’ia (อองเต คาเฟ่ เดอ เมีย) ร้านชาสุดฮิปของเชียงใหม่ เล่าว่า “อยากให้คนได้มาลองนั่งจิบชารัศมีดารา ซึ่งเป็นชาจากดอกกุหลาบจุฬาลงกรณ์ ถูกทำให้แห้งตามธรรมชาติไม่ผ่านสารเคมี โดยจะเลือกเก็บดอกกุหลาบที่กำลังจะบานในช่วงเช้าแล้วนำไปวางในตะกร้าไม้ไผ่ ตากไว้บนขื่อบ้านใต้หลังคาเพื่อให้โดนลมแต่ไม่โดนแดด รอจนแห้งแล้วนำมาทำชาที่ให้ความหอมและรสชาติดี จิบคู่กับสโคนกุหลาบหรือขนมไข่ฝรั่งเศส พร้อมด้วยเวิร์คช้อปทำช่อบูเก้ง่ายๆ จากฟลอริสต์ฝีมือดีแถมยังได้เอากลับไปประดับบ้านเก๋ๆ ด้วย”
ยังมีกิจกรรมอีกมายมายตลอดเดือนกุมภาพันธ์กับ “Chiang Mai Blooms 2018” เชียงใหม่ บลูมส์ 2018 – เทศกาลเชียงใหม่เบิกบาน สนใจคลิกดูรายละเอียดหรือจองเข้าร่วมเวิร์คช้อปทาง www.ChiangMaiBlooms.com พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง facebook fanpage: Chiang Mai Blooms